บลจ.กสิกรไทย ชูกองทุน K-VALUE เป็นตัวเลือกที่มีศักยภาพในการบริหารพอร์ตอย่างมั่นคงท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่อยู่ภายใต้เศรษฐกิจเติบโตต่ำ ด้วยกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ กองทุนมีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่โดดเด่นและได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar สะท้อนถึงคุณภาพการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ทั้งยังมีความสามารถในการรับมือกับภาวะตลาดขาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิน พรหมแพทย์ CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังคงเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล หรือ K-VALUE เป็นตัวเลือกที่มีศักยภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุนหุ้นไทยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกองทุนดังกล่าวมีแนวทางการลงทุนที่เน้นคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอและสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลประกอบการและความมั่นคงทางการเงินของบริษัทที่ลงทุน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและลดความเสี่ยงจากความผันผวนในระยะยาว
นายวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-VALUE เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นไทยชั้นนำซึ่งมีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยมีการบริหารจัดการที่คำนึงถึงความผันผวนที่ต่ำกว่าในภาวะตลาดขาลง (Downside Resilience) เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กองทุน K-VALUE มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ 6.2% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี SET Index ที่อยู่ที่ 4.1% อีกทั้งยังมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังที่โดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มกองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยกองทุนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมืออาชีพ (ที่มา: Morningstar ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568)
“แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงระยะ 6 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 4/25 - 1/26) สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยความเสี่ยงด้านขาลงเริ่มถูกจำกัดจากการฟื้นตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และสัญญาณการปรับประมาณการกำไรที่เริ่มแตะระดับต่ำสุด อย่างไรก็ดี ปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ โครงสร้างประชากร ความสามารถในการแข่งขัน และประสิทธิภาพด้านธรรมาภิบาล ยังคงเป็นข้อจำกัดต่อศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ขณะที่แรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ ทั้งในด้านการผ่อนคลายทางการเงินและการเบิกจ่ายงบประมาณ มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ โดยการฟื้นตัวของตลาดจากจุดต่ำสุดในปี 2025 ได้รับแรงหนุนจากการลดภาษีและความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดลง แม้ตลาดยังซื้อขายในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวโดยมองเป้าหมายดัชนีปลายปีอยู่ที่ระดับ 1300-1340 จุด" นายวินกล่าว
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาแนวทางในการปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอน การเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนหุ้นไทยทั่วไปสู่กองทุน K-VALUE ถือเป็นตัวเลือกที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน โดยกองทุน K-VALUE สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ซื้อง่ายอย่างปลอดภัยด้วย App K PLUS และ K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย และ ผู้แทนสนับสนุนการขาย ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกช่องทางของกสิกรไทย หรือ ผู้แทนสนับสนุนการขาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 และศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองได้ที่ www.kasikornasset.com
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFFนายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFF